โครงการ รวยอู๋ฟู่ เรียลเอสเทต : : โครงการ บ้านจัดสรร สมุทรสาคร‎ ถนนเอกชัย - มหาช้ย...พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด

โครงการ รวยอู๋ฟู่ เรียลเอสเทต : : โครงการ บ้านจัดสรร สมุทรสาคร‎ ถนนเอกชัย - มหาช้ย...: โทร 1739 สมัครสมาชิก พฤกษา register จองบ้านและคอนโด ออนไลน์ จองบ้านและคอนโด ออนไลน์ Live   Chat Live ...









พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ

ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด

            ดร.สมัย   เหมมั่น  ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย กล่าวอ้างแสดงความหมายอย่างกว้างถึงพฤติกรรมผู้บริโภคคือกระบวนการต่างๆ  ของตัวบุคคลที่ปฏิบัติต่อสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ภายนอก  ให้ความหมายของผู้ซื้อ  คือบุคคลที่ไปทำการซื้อจริงในกระบวนการซื้อ  ดังนั้น  ผู้ซื้อก็คือบุคคลที่มีบทบาทเป็นผู้ซื้อสินค้า  ปกติผู้ซื้อก็คือลูกค้า  (Customer)  ของธุรกิจนั่นเอง
            ท่าน ฉลองศรี  พิมลสมพงศ์  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค  หมายถึง  การศึกษาถึงความต้องการ  ความจำเป็นของผู้บริโภคที่เป็นตลาดเป้าหมายเพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาด  ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคนั้นๆ  และเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุด
            ความหมายที่  ดร.สมัย   เหมมั่น  รองกรรมการบริหาร  กล่าวสรุปในที่นี้ก็คือ  การกระทำหรือการแสดงออกของมนุษย์ที่ปรากฏออกเป็นการกระทำดังกล่าวนี้  จะมีกระบวนการของสิ่งของต่างๆ  ที่เกี่ยวข้องกำกับอยู่จากภายในตัวบุคคลนั้นๆ  เสมอ  กล่าวคือ  จะมีกลไกของการกำกับสั่งการจากความนึกคิด  และความรู้สึกที่มีอยู่ภายในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคน  การกระทำของแต่ละคนจะมีของตนตลอดเวลา  จะมีสิ่งที่ยึดถือต่างๆ  ภายในความคิดของตน  (Frame  of  mind)  อยู่เอง  และจะรับเอาเรื่องราวต่างๆ  (sensation)  จากภายนอกเข้ามาได้ตลอดเวลาอีกด้วย  การตัดสินใจกระทำการต่างๆ  ของเขาที่ปรากฎออกมาเป็นพฤติกรรมต่างๆ  ย่อมจะอยู่ภายใต้การกำกับของสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
            ดังนั้นการศึกษาผู้ซื้อและพฤติกรรมผู้ซื้อ  บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย จึงเป็นการศึกษาถึงลูกค้าของธุรกิจที่เป็นได้ทั้งผู้บริโภคและผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับว่าตลาดของธุรกิจเป็นตลาดประเภทใด  เช่นผู้บริโภคบ้านแฝดและทาวเฮาส์  ลูกค้าหรือผู้ซื้อก็คือผู้บริโภค  ถ้าเป็นตลาดสินค้าอุตสาหกรรม  หรือตลาดรัฐบาล  หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรลูกค้าหรือผู้ซื้อก็คือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรม  เป็นต้น  ดังนั้นการศึกษาพฤติกรรมผู้ซื้อ  (Buyer  behavior)  เป็นการศึกษาพฤติกรรม  การซื้อสินค้าของลูกค้า  ของธุรกิจต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือผู้เป็นนักลงทุนหวังกำไรจากการซื้อบ้านแฝดในโครงการบ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย
            พฤติกรรมผู้บริโภค  (consumer  behavior)  ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหรือการแสดงออกของมนุษย์เฉพาะในบางเรื่อง  คือ  เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการซื้อบ้านโครงการบ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย และบริการ  ลูกค้าโครงการ บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย การบริการทางการตลาดทั้งหลายนั้นย่อมถือได้ว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์เท่านั้น  พฤติกรรมผู้บริโภคจะมีความหมายเฉพาะกระบวนการของตัวบุคคลที่ตัดสินใจว่า  จะซื้อบ้านแฝด  ทาวเฮาส์  และบริการอะไรหรือไม่  ถ้าจะซื้อจะซื้อที่ไหน  เมื่อไร  อย่างไร  และจะซื้อจากใคร  การตัดสินใจดังกล่าวจะประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ  ทั้งทางกายและใจ  ที่จำเป็นสำหรับทำการตัดสินใจ  สาระสำคัญส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของความเข้าใจ  (perceives)  ของแต่ละบุคคลที่มีอยู่  และการปฏิบัติหรือการกระทำต่อกันระหว่างตัวเขาเหล่านั้นกับสภาพแวดล้อม  รวมตลอดทั้งกับองค์การธุรกิจทั้งหลาย
            กล่าวโดยสรุปก็คือ  การแสดงออกทางพฤติกรรมของมนุษย์โดยทั้งหมดนั้น  พฤติกรรมหรือกิจกรรมที่แสดงออกในฐานะที่เป็นผู้บริโภคจะเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น  พฤติกรรมผู้บริโภคจึงถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์  และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง  โครงการ บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย ต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคจึงอาศัยพฤติกรรมศาสตร์เข้าช่วยศึกษา  ทำนองเดียวกับการศึกษาพฤติกรรมมนษย์โดยทั่วไป
            โครงการ บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย ให้ความสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อ  บ้านและทาวเฮาส์ที่มีการศึกษาวิเคราะห์  อย่างถี่ถ้วน  เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  ในการทำธุรกิจการจัดสรรที่ดิน  และพักอาศัยในแต่ละทำเล  ที่ลูกค้ามีความต้องการที่เลือกบริโภค
            1.  ปฏิกิริยาของบุคคล  ซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่างๆ  เช่นการเดินทางไปและกลับจากร้านค้า  การจ่ายของในร้านค้า  การซื้อ  การขนสินค้า  การใช้ประโยชน์และการประเมินค่าสินค้า  และบริการที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด
            2.  บุคคลเกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้รับและการใช้สินค้าและบริการทางเศรษฐกิจ  ซึ่งหมายถึง  ผู้บริโภคคนสุดท้าย  เรามุ่งที่ตัวบุคคลผู้ซื้อสินค้าและบริการเพื่อนำไปใช้บริโภคเองหรือเพื่อการบริโภคของหน่วยต่างๆ  ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเช่นครอบครัว  เราพิจารณาหน่วยบริโภคว่ารวมถึงแม่บ้านในฐานะที่เป็นตัวแทนซื้อของครอบครัว  และบุคคลบางคนที่ซื้อของขวัญให้กับผู้อื่นด้วย  อย่างไรก็ดีเราไม่พิจารณาถึงการที่บุคคลซื้อให้กับองค์การธุรกิจหรือสถาบันต่างๆ
            3.  รวมถึงกระบวนการต่างๆ   ของการตัดสินใจซึ้งเกิดก่อน  และเป็นตัวกำหนดปฏิกิริยาต่างๆ  เหล่านี้  ซึ่งรวมถึงการตระหนักถึงความสำคัญของกิจกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่กระทบโดยตรงต่อปฏิกิริยาทางการตลาด  เช่น  การติดต่อกับพนักงานขายกับสื่อโฆษณาและการเปิดทางเลือกต่างๆ  และปฏิกิริยาต่างๆ  เกี่ยวกับการตัดสินใจซื้อหลังจากการระบุและพิจารณาทางเลือกต่างๆ  เป็นอย่างดีแล้ว  สรุปในที่นี้ก็คือ  พฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวข้องกับการศึกษาถึงว่าบุคคลผู้บริโภค  บริโภคอะไร  ที่ไหน  บ่อยแค่ไหน  และภายใต้สถานการณ์อะไรบ้างที่สินค้า  และบริการได้รับการบริโภค
            การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นการศึกษา วิธีการที่แต่ละบุคคลกระทำการตัดสินใจใช้ทรัพยากร  (เงิน  เวลา  บุคลากร  และอื่นๆ)  เกี่ยวกับการบริโภคสินค้า  ซึ่งนักการตลาดต้องศึกษาว่าสินค้าที่เขาจะทำการเสนอขายนั้นใครคือลูกค้า (who)  ผู้บริโภคซื้ออะไร  (what)  ทำไมจึงซื้อ (why)  ซื้ออย่างไร  (how)  ซื้อเมื่อไร  (when)  ซื้อที่ไหน (Wher) และซื้อบ่อยครั้งเพียงใด  (how ofter)  รวมทั้งศึกษาว่าใครมีอิทธิพลต่อการซื้อ (who)
            การรับรู้และภาพลักษณ์ของตราสินค้า  และคนเรามักจะแสดงไปตามภาพลักษณ์ของตน  หากมีความเชื่อบางอย่างเป็นสิ่งที่ผิดและเป็นการขัดขวางการซื้อ  ผู้ผลิตจะต้องรณรงค์เพื่อแก้ไขหรือทำให้ความเชื่อเหล่านี้ถูกต้อง  คอยคำนึงถึงทัศนคติที่เป็นความรู้สึก  อารมณ์  และวิวัฒนาการด้านความขอบของคนเรามาเนิ่นนานแล้ว  นอกจากนี้การแสดงออกจึงมีความโน้มเอียงไปยังนิสัยหรือความคิดบางอย่างได้
            กระบวนการการคิดวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและการบริโภคก๋วยเตี๋ยวของวัยรุ่นเพื่อให้ทราบถึงคุณลักษณะความต้องการลดพฤติกรรมต่างๆ  ของวัยรุ่น  เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติแนวทางปฏิบัติในการตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นเป้าหมายได้สูงสุด  โดยใช้โมเดลพฤติกรรมผู้บริโภค (
consumer  behavior modul) หรือ S-R theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ศึกษาถึงเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อโดยเริ่มจากการเกิดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความต้องการ  สิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาในความรู้สึกสำนึกของผู้ซื้อ  ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดำซึ่งประกอบธุรกิจไม่สามารถคาดคะเนได้  ความรู้สึกคิดนี้เองจะได้รับอิทธิพลในลักษณะต่างๆ  และทำให้มีการตอบสนอง ของผู้ซื้อ  ดังในภาพที่ 2.1  ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน  ดังนี้  สิ่งกระตุ้น (stimulus)  กล่องดำความรู้สึกคิดของผู้ซื้อ  (buyers’black box)การตอบสนองของผู้ซื้อ (buyers’ response) ซึ่งสามารถอธิบายพอให้เข้าใจได้ดังนี้ คือ
การตอบสนอง
ของผู้ซื้อ
กล่องดำ
(ความรู้สึกสำนึกคิด)

สิ่งกระตุ้น

            1 สิ่งกระตุ้น (stimulus)  มีทั้งที่เกิดขึ้นเองในร่างกาย  และสิ่งกระตุ้นจากภายนอกซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการผลิตภัณฑ์  สิ่งกระตุ้นถือว่าเป็นเหตุจูงใจให้เกิดการซื้อสินค้า  ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนคือ


ภาพแสดงแนวความคิดเกี่ยวกับผู้บริโภค  ที่มา: Phillips  Kotler, 1997:72


            1.1 สิ่งกระตุ้นทางการตลาด (marketing  stimulus)  เป็นสิ่งกระตุ้นที่นักการตลาดสามารถควบคุมจัดให้มีขึ้น  เป็นสิ่งกระตุ้นที่เกี่ยวข้องกับส่วนประสมทางการตลาด  (marketing  mix)  ซึ่งประกอบด้วย

1.1.1        สิ่งกระตุ้นด้านผลิตภัณฑ์ (product  stimulus)
1.1.2        สิ่งกระตุ้นด้านราคา  (price  stimulus)
1.1.3        สิ่งกระตุ้นด้านการจัดช่องทางการจำหน่าย  (place  stimulus)
1.1.4        สิ่งกระตุ้นด้านการส่งเสริมการตลาด  (promotion  stimulus)
1.2     สิ่งกระตุ้นอื่น ๆ (other  stimulus) เป็นสิ่งกระตุ้นความต้องการผู้บริโภคที่อยู่ภายนอกองค์การซึ่งไม่สามารถควบคุมได้  ได้แก่
1.2.1        สิ่งกระตุ้นทางเศรษฐกิจ  (economic  stimulus)
1.2.2        สิ่งกระตุ้นทางเทคโนโลยี (technological  stimulus)
1.2.3        สิ่งกระตุ้นทางกฎหมายและการเมือง  (law  and  political  stimulus)
1.2.4        สิ่งกระตุ้นทาวัฒนธรรม  (cultural  stimulus)
            2.  กล่องดำความรู้สึกคิดของผู้ซื้อ  (buyers’ black  box)  ความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อเปรียบเสมือนกล่องดำ  ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ขายไม่สามารถทราบได้  จึงต้องพยายามค้นหาความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อ  ซึ่งได้รับอทธิพลจากลักษณะของผู้ซื้อ  และกระบวนการตัดสินใจของผู้ซื้อ  ซึ่งมีอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ  ดังต่อไปนี้  คือ
                        2.1  ปัจจัยด้านวัฒนธรรม  (cultural  factor)
                        2.2  ปัจจัยด้านสังคม  (social  factor)
                        2.3  ปัจจัยด้านจิตวิทยา  (psychological  factor)
            ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้น  จะก่อให้เกิดขั้นตอนการตัดสินใจของผู้บริโภค
            3.  การตอบสนองของผู้ซื้อ  (buyers’  response)  ผู้บริโภคจะมีการตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ดังนี้
                        3.1  การเลือกผลิตภัณฑ์  (product  choice)
                        3.2  การเลือกตราสินค้า  (brand  choice)
            และยังมีปัจจัยอีกคือ  การเลือกผู้ขาย (dealer  choice)  การเลือกเวลาในการซื้อ  (timing  purchase  choice)  การเลือกปริมาณการซื้อ  (amount  purchase  choice)  ที่เป็นปัจจัยมีอืทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคดีงที่เสรีวงษ์มณฑาได้กล่าวถึงปัจจัยต่างๆ  ที่มีผลต่อการตัดสินใจ คือ
(1)    ลักษณะทางสรีระ  เป็นปัจจัยเบื้องต้นในการกำหนดพฤติกรรมการซื้อ  และ
พฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค  มีบทบาทมากที่สุดในการตัดสินใจของมนุษย์  เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  เนื่องจากเป็นความต้องการของร่างกายซึ่งมีส่วนใหญ่เป็นปัจจัยสี่  ซึ่งประกอบด้วย  อาหาร  เครื่องนุ่งห่ม  ที่อยู่อาศัย  และยารักษาโรค
(2)    สภาพจิตวิทยา  เป็นความต้องการที่เกิดจากสภาพจิตใจ  เป็นปัจจัยภายในที่มี
อิทธิพลต่อการตัดสินใจของมนุษย์  ซึ่งเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์โดยอาจมีลักษณะความต้องการในเรื่องเดียวกัน  แต่สถาพจิตใจไม่เหมือนกัน
(3)    ครอบครัว  เป็นกลุ่มสังคมเบื้องต้นที่บุคคลเป็นสมาชิกอยู่  ครอบครัวเป็นแหล่งอบรม
และสร้างประสบการณ์ของบุคคล ถ่ายทอดนิสัย  และค่านิยม  ครอบครัวถือว่าเป็นหน่วยที่มีบทบาทในแง่ของการเตรียมตัวผู้บริโภคให้เข้าสู่สังคม
(4) สังคม เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราซึ่งจะมีผลที่เราต้องทำตัวให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคมการที่ผู้บริโภคเป็นคนชั้นสูง ชนชั้นกลาง หรือชนชั้นต่ำ ซึ่งแต่ละชนชั้นก็จะมีพฤติกรรมแตกต่างกัน
(5) วัฒนธรรม ไม่ว่าเราจะอยู่ชนชั้นใด ในสังคมก็ตามมีวัฒนธรรมเป็นตัวครอบงำ วัฒนธรรม คือ วิถีชีวิตที่คนในสังคมยอมรับ ประพฤติปฏิบัติตามกันเพื่อความงอกงามของสังคม ซึ่งเป็นสิ่งดีสิ่งงามที่คนในสังคมยอมรับที่จะพฤติปฏิบัติร่วมกันเพื่อให้สังคมนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงกล่าวได้ว่า วัฒนธรรมไม่ใช้สิ่งที่ถาวร วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มีชีวิต สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่อาจจะใช้เวลานาน เนื่องจากเป็นการยอมรับของสังคมที่กว้างขวาง และเป็นสิ่งที่ยอมรับกันมานานมาก
            การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค (analyzing consumer behavior) จึงเป็นการค้นหาหรือวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและการใช้ของผู้บริโภค เพื่อทราบถึงลักษณะความต้องการและพฤติกรรม การซื้อ และการใช้ของผู้บริโภค เป็นการค้นหาคำตอบที่ได้จะช่วยให้ผู้ขายสินค้าสามารถจัดกลยุทธ์การตลาด (marketing strategies) ที่สามารถสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม โดยคำถามที่ใช้เพื่อค้นหาลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภค คือ 6W และ 1H เพื่อค้นหาคำตอบ 7 O ซึ่งประกอบด้วย Occupants Object, Objectives, Organization, Occasions, Outlets & Operation
คำถาม 6Ws และ 1H
คำถามที่ต้องการทราบ 7 Os
กลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้อง
1.ใครอยู่ในตลาดเป้าหมาย
(Who)
ลักษณะกลุ่มเป้าหมาย (Occupants)
1.      ประชากรศาสตร์
2.      ภูมิศาสตร์
3.      จิตวิทยา
4.      พฤติกรรมศาสตร์
กลยุทธ์การตลาด (4Ps) ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ ราคาการจัดจำหน่าย และการส่งเสริมการตลาด
2.ผู้บริโภคซื้ออะไร
(What)
สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ (Objects)ผู้บริโภคต้องการคุณสมบัติ หรือองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ความแตกต่างที่เหนือคู่แข่งขัน
กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์  ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลัก รูปลักษณ์ การบรรจุภัณฑ์ ตราสินค้า รูปแบบ คุณภาพบริการ ลักษณะวัฒนธรรม
ผลิตภัณฑ์ควบ ผลิตภัณฑ์ที่คาดหวัง ศักยภาพผลิตภัณฑ์
3.ทำไมผู้บริโภค
จึงซื้อ  (Why)
วัตถุประสงค์ในการซื้อ (Objectives)
กลยุทธ์ที่ใช้กันมากคือ
-              กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์


คำถาม 6Ws และ 1H
คำถามที่ต้องการทราบ 7 Os
กลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้อง

ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการด้านร่างกาย และจิตวิทยา ซึ่งต้องศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อ คือ ปัจจัยภายใน  ปัจจัยภายนอก และปัจจัยเฉพาะบุคคล
-          กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาด
-          กลยุทธ์ด้านราคา
-          กลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย
4.  ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ (Who)
บทบาทของกลุ่มต่าง ๆ (Organization) มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อ ประกอบด้วย ผู้ริเริ่ม ผู้มีอิทธิพล ผู้ตัดสินใจซื้อ ผู้ซื้อ ผู้ใช้
กลยุทธ์การโฆษณา และกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด โดยใช้กลุ่มอิทธิพล
5.  ผู้บริโภคซึ่ง
เมื่อไร (When)
โอกาสในการซื้อ (Occasions) เช่น ช่วงเดือนใดของปี หรือช่วงฤดูกาลของปี ช่วงวันใดของเดือน หรือ โอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ต่าง ๆ
กลยุทธ์ที่ใช้คือ กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด ที่สอดคล้องกับโอกาสในการซื้อ
6.  ผู้บริโภค ซื้อที่ใด (Where)
จะซื้อที่ใด ร้านใด (outlet)
กลยุทธ์ที่ใช้คือจัดสถานที่ หรือ Window Display ให้เจาะใจ เตะตา
7.  ผู้บริโภคซื้อ อย่างไร (How)
ขั้นตอนในการตัดสินใจซื้อ (Operations) ประกอบด้วย การรับรู้ปัญหา การค้นหาข้อมูล การประเมินผลทางเลือก การตัดสินใจซื้อ  ความรู้สึกภายหลังการซื้อ
กลยุทธ์ที่ใช้มากคือ กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด ประกอบด้วยการโฆษณา การขายโดยใช้พนักงานขาย การให้ข่าว การประชาสัมพันธ์ การตลาดทางตรง

               
จากแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคกับการบริหารการตลาดยุคใหม่ที่ผู้เขียนกล่าวอ้างมาข้างต้นแล้วนั้น พอจะสรุปได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภค มีผลต่อกลยุทธ์ของตลาดธุรกิจ จำเป็นที่นักการตลาดต้องศึกษามูลเหตุจูงใจที่เป็นสิ่งกระตุ้นในการตัดสินใจซื้อ การค้นหาความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภค ลักษณะของผู้บริโภค
            การตอบสนองของผู้บริโภค และขั้นตอนในการตัดสินใจซื้อ เพื่อเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจ ดังนั้นพฤติกรรมผู้บริโภค จึงเป็นตัวแปรตัวหนึ่งที่สำคัญที่เราทั้งหลายต้องสนใจศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคใน
ตลาดต่าง ๆ เพื่อสามารถวางกลยุทธ์ตลาดที่ตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม กำไรเหมาะสม และ Brand ของท่านจะสามารถครองตลาดไปได้นานเท่าที่จะนานอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภค หรือ ผู้ซื้อได้ตลอดไป
            สรุปง่าย ๆ คือ สร้างชื่อเสียง และ สร้าง Brand ก่อน แล้ว เงินจะตามมาเอง  ถ้าเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจในการกระทำในกิจกรรมทางการตลาด
          ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ลอง ไม่รู้ และที่รู้กันมา มีการลองผิด ลองถูกมามากแล้ว และอย่าลืมว่า ทฤษฎีที่ยกมากล่าวอ้างนั้น มาจากการปฏิบัติการมาหมดแล้ว เพราะรู้ปฏิบัติมาก่อน แล้วนำมาสรุปเป็นทฤษฎี แต่ถ้ารู้ทฤษฎีแล้ว ไม่ปฏิบัติอีกคือความว่างเปล่า หากปฏิบัติโดยไม่อิงทฤษฎีก็อาจหลงทางเสียเวลาไปนานลองพิจารณาดู
          ผู้เขียนขอขอบคุณชิ้นงานวิจัย และเอกสารตำราของที่กล่าวอ้าง และไม่ได้อ้างมาทั้งหมด และขอให้ความสำคัญงานวิจัยที่เรียกว่า Research
          Re-ใหม่ Search-การค้นหา ต้องค้นหาใหม่ ๆ ไปเพื่อต่อยอดต่อ ๆ ไปครับ






 





บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

          โดย ดร. สมัย เหมมั่น ที่ปึกษากิติมศักดิ์ และรองกรรมการบริหารบ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย
            การเลือกซื้อของผู้บริโภค บ้าน โครงการบ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย  ได้วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ ให้ข้อคิด เลือกซื้อ และวิธีการเลือกซื้อบ้านแบบ ที่ศึกษาวิเคราะห์มา ด้วยสังคมและหน้าที่การงาน ทำให้คนไทยต้องใช้ชีวิตในสังคมเมือง แดนศิวิไลซ์อย่าง กรุ่งเทพ-ปริมณฑล กันมากขึ้น และด้วยโครงการขนาดใหญ่สำคัญ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดสมุทรสาคร –พุทธมณฑลสายสี่-พระราม2-ถนนเพชรเกษม  ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าระบบ คมนาคม ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเฟสแรกปี 2560 ซึ่งโครงการนี้เป็นระบบรถไฟฟ้า –ขยาย ผิวจราจร ถนนสายสี ถนนพราม 2 ขยายถนนสายเศษฐกิจ1 .ใช้งบประมาณ เงินลงทุน หลายหมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะทำให้ กรุงเทพฯ-พุทธมณฑล และปริมณฑล มีศักยภาพในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
            พร้อมทั้ง โครงการ ก่อสร้างห้างเซนต์ทัล แห่งใหม่ (แห่งที่ 2-3) จะเป็นโครงการที่เตรียมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากปริมาณผู้บริโภค ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นจุดให้เกิดความสนใจในการเลือกทำเลที่น่าอยู่            นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้าง โรงพระยาบาลในจังหวัดและถนนหลัก เพื่อรองรับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ของจังหวัดของภาพเอกชนหลายแห่ง ซึ่งโครงการนี้จะผลักดันให้มีการเชื่อมระหว่าง จังหวัด  เนื่องจากปัจจุบัน มีความแออัด จำเป็นต้องมีการขยายเมืองออกไป เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินทาง การทำงานในแต่ล่ะวัน  บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย มันเป็นทำเล  ตรงที่ตรงจุดหมายตรงทางเลือกของคนมีรายได้ ปานกลาง และคนมีครอบครัวใหญ่ บ้านมลวรีย์

 พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย
      เหมาะสมรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคตได้ โครงการนี้สภาพัฒน์ได้เคยศึกษาความเป็นไปได้แล้วว่ามีความเหมาะสมที่จะพัฒนาทั้ง สามเส้นทางให้น่าอยู่
            โครงการมอเตอร์เวย์ระหว่างเมืองกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ เราก็นำเสนอในที่ประชุม กรอ.จังหวัด เพื่อพัฒนาระบบโครงข่ายโลจิสติกส์ระหว่าง พระราม2  และยกระดับ ถนน พระบรมฯให้เสร็จ100 เปอร์เซนต์จะขยาย 6 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร นอกจากนี้ ก็มีแผนการศึกษา ทำถนนวงแหวนรอบ 4 เพื่อเชื่อมโยงถนนวงแหวนจำนวน หลายเส้นทางระยะทางกว่า20 กิโลเมตร เชื่อมจาก วงแทวนกาญจนา –มาเชื่อม ถนนสายใยรักษ์ ถนนเศษฐกิจ1รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินการแล้ว
            โครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว มีโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลาดน้ำท่าจีน ในวัดสำคัญ โครงการส่งเสริมกิจกรรมทางพุทธศาสนา ทำให้ ปริมณฑล - เมืองสมุทรสาครน่าเที่ยว โดยจังหวัดให้ทำการศึกษาเพิ่มเติมเช่นสวนดอกไม้ภาคเอกชนต่างๆให้ความร่วมมือ ให้เป็นโมเดลที่จะพัฒนาพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ของเมือง ขณะนี้กำลังสำรวจศักยภาพ ของพื้นที่ที่มีความเหมาะสม
            เมื่อนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้ สมุทรสาครป็นศูนย์กลางอาหารทะเลและการท่องเที่ยวและการค้าเชื่อมกับจังหวัดเพื่อนบ้านทางบกและทางน้ำ ซึ่งในระยะ 5 - 10 ปี จำเป็นต้องขยายเมืองใหม่เพื่อรองรับการเติบโตและความแออัดของเมือง สมุทรสาคร มาทางถนนพระราม สอง ในปัจจุบัน โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจะกำหนดตำแหน่งของผังเมืองใหม่ เพื่อรองรับความเป็นศูนย์กลางการ ของอาหารทะเลและการขนส่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สนับสนุนการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่จังหวัดด้วย นับจากนี้ ส่วนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้น่าจะอยู่ในพื้นที่ ถนนพุทธสาครจะเป็นถนนที่รองรับความเจริญ ต่อจากถนน พุทธมณฑลสายสี่ ที่จะมีถนนวงแหวนรอบนอกเชื่อมโยงอีก 1 เส้นระหว่างสาย ,มิตภาพ รพ.ศิริราช –สายสี่  กำลังใกล้ความจริงแล้ว บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย
            ประเด็นที่สองคือประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของชาวต่างชาติหลังเกษียณอายุมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลกด้วยการพิจารณาจากเงื่อนไขด้านเศรษฐกิจ และรูปแบบการดำเนินชีวิต โดยจากการสำรวจพบว่า 3 เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติหลังเกษียณอายุมากที่สุด มีดังนี้

1. รัฐบาลไทยยกเว้นภาษีสำหรับชาวต่างชาติที่มีรายได้จัด หรือแม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้จึงเหมะแก่ชาวต่างชาติผู้เกษียณอายุแล้วเป็นอย่างมาก
2.ค่าครองชีพที่ถือว่าต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก ชาวตะวันตกโดยเฉพาะคนอังกฤษจึงสามารถมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน
3. วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เหมาะสมซึ่งทำให้ประเทศไทยเหมาะมากสำหรับผู้ที่เกษียณอายุและต้องการความสงบในชีวิต ตลอดจนปัจจัยเรื่องสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย เพราะอากาศไม่หนาวมาก และมีแสงแดดตลอดทั้งปี
ประเด็นที่สามคือการเปิดประตูประชาคมอาเซียน(AEC)จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจ อสังการิมทรัพย์แม้ว่าการเปิด AEC จะส่งผลบวกต่อดีมานด์ซื้อ และเช่าอสังหาฯ มือสองในย่านศูนย์กลางธุรกิจ และแหล่งชุมชนใจกลางเมืองโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ทั่วทุกภาค เช่นแหล่งนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น เพราะหลังเปิด AEC แล้วนักลงทุนและแรงงานจากกลุ่มประเทศอาเซียนจะเข้ามาอาศัยในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร และแหล่งนิคมฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดใจกลางเมืองและใกล้นิคมอุตสาหกรรมมีความคึกคักมากขึ้น  บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย ต้องเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่ดีในระว่างนี้
            ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจากประเทศต่างๆ ทั่วอาเซียนต่างเห็นว่าเศรษฐกิจปี2555 ดีกว่า 2 ปีก่อนและจะดีขึ้นอีกในปี 2558 ก่อนเปิด AEC ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นกัน และทุกประเทศเห็นว่าการเปิด AEC จะเป็นประโยชน์ร่วมกันแต่ก็ยังมีความเป็นห่วงต่อการแข่งขันอยู่เช่นกัน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธารกรรมการการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยแลประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเดท แอฟแฟร์ส ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งอาเซียน ณ ประเทศบรูไน ในช่วงต้นเดือนกรกฏาคม 2555 จำนวนเกือบ 100 คนจากทั้งหมดเกือบ 200 คนต่อประเด็นความพร้อมในการเปิดประชาคมอาเซียน (ASEAN Economic Community:AEC)ในปี พ.. 2558 และความเห็นเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยพอสมควร
ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินในภูมิภาคนี้ ให้ความคิดเห็นว่าเมื่อเทียบสถานการณ์เศรษฐกิจ พ.. 2553 กับปัจจุบัน 56% ประเมินว่าปัจจุบันดีกว่า มีเพียง 7% ที่เห็นว่าแย่ลงที่เหลือ 36% บอกว่าเหมือนเดิม สำหรับในรายละเอียด ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน


จากบรูไน สิงคโปร์ และไทย มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังแทบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ประเทศอื่นๆ กลับมองว่าสถานการณ์ดีขึ้นเป็นหลัก และเมื่อพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า คือ พ.. 2558 ส่วนใหญ่ 67% บอกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น มีเพียง 4% ที่คิดว่าจะเลวร้ายลง อย่างก็ตามผู้แทนจากประเทศไทยส่วนใหญ่เห็นว่าจะยังคงเหมือนเดิม
            กรณีตลาดอสังหาริมทรัพย์ พบว่า 63% คิดว่าสถานการณ์ตลาดดีขึ้นกว่าปี พ.. 2558 อย่างไรก็ตาม ราวๆ ครึ่งหนึ่งของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจากบรูไนและไทยคิดว่าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในไทย และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของบรูไน ยังไม่กระเตื้องขึ้นนั่นเอง และเมื่อพิจารณาถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอีก 2 ปีข้างหน้าคือ 2558 พบว่าส่วนใหญ่ 66% จากแทบทุกประเทศระบุว่า สถานการณ์น่าจะดีกว่าปัจจุบันอย่างไรก็ตามผู้ประเมินทรัพย์สินจากประเทศยังเห็นว่าตลาดยงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก 2 ปีข้างหน้า
            ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป้าหายของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (Single Market and Production Basw) โดยมีการเคลื่อนสินค้า การลงทุน และแรงงานฝีมือภายในอาเซียนได้อย่างเสรีรวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมากขึ้น ภายในปี 2558 และภายใต้กรอบการเจรจาของเอเซียน แผนงานนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Bluepeint )
กำหนดพันธรณีให้ประเทศสมาชิกต้องเปิดเสรีการค้าบริการ รวมถึงการบริการด้านอสังหาริมทรัพย์โดยลดหรือยกเลิกกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด(Treaket Access: MA)และข้อจำกัดในการให้การปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ (National Treatment :NT) หรือการปฏิบัติต่อคนต่างชาติที่สัญชาติอาเซียนเช่นเดียวกับคนในชาติตนเอง นอกจากนั้นแล้วยังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นให้กับนักลงทนที่มีสัญชาติอาเซียนได้สูงสุดถึง 70% อีกด้วย
            จากข้อกำหนดดังกล่าว ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย จะต้องมีการปรับตัวและเตรียมความพร้อมรบมือกับนักลงทุนต่างชาติที่มีทั้งเงินทุนและเทคโนโลยีที่จะเข้ามาแข่งขันมากขึ้น เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังมีราคาต่ำกว่าประเทศเพื่อบ้านอย่างน้อยเช่น สิงคโปร์ อยู่มาก
นอกจากนี้ประเทศไทยเองยังตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งเหมาะต่อการเข้ามาลงทุนหรือประกอบธุรกิจเป็นอย่างยิง และอาจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศได้ในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการ

ไทยสามารถออกไปแข่งขัน หรือขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราความต้องการที่อยู่อาศัยสุงกว่า พร้อมทั้งเกิดการแลกแลกเปลี่ยนเทคโนโยลีและองค์ความรู้ใหม่ๆกบันักลงทุนจากประเทศสมาชิกมากขึ้น
            ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในฐานะที่เป็นธุรกิจการค้าครอบคลุมถึงการพัฒนาออกแบบก่อสร้าง ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่า ให้สินเชื่อจำนอง ประเมินค่าทรัพย์สินโอนทรัพย์สิน ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจใหญ่ที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา เช่น นักพัฒนา นักลงทุน ตัวแทนนายหน้า
นักกฎหมายสำรวจ นักกฎหมายนักสำรวจ นักประเมินราคา นักบริหารทรัพย์สินเป็นต้นและที่เป็นนิติบุคคลเช่น การนิคมอุตสาหกรรม สถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทบ้านจัดสรร เป็นต้น ตามแผนงานนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กำหนดให้การเคลื่อนย้ายของนักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญ  ผู้ประกอบวิชาชีพ แรงงานฝีมือและผู้มีความสามารถพิเศษมีการจัดหา MRAs เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบวิชาชีพ (แพทย์ทันตแพทย์ พยาบาล สถาปนิก วิศวกร นักบัญชี และนักสำรวจ) อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาขาแคลนแรงงานวิชาชีพตามมา แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยลดต้นทุนจากจัดหาสถาปนิก หรือวิศวกรเซ็นงานได้เช่นเดียวกัน
            นอกจากนี้ ตามความตกลงการค้าสินค้าของ(Asean Trade in Goods Agreement :ATIGA )ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกภาษีสินค้านาเข้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน หรือการยกเลิกและขจัดมาตรการที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers:NTBs) ที่จะเป็นอุปสรรคทางการค้าก็ตามอาจส่งผลทาให้เกิดการลดต้นทุนในการนำเข้าวัตถุดิบ หรือวัสดุก่อสร้างจากประเทศสมาชิกที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และไม่มีภาษีนำเข้าหรือเพิ่มทางเลือกและความหลากหลายให้กับผู้ประกอบการในการนำเข้าวัตถุดิบ หรือวัสดุก่อสร้างหรือวัสดุตกแต่งบ้านที่มีคุณภาพต่ำ และไมได้มาตรฐานเข้าสู้ตลาดมากขึ้นเช่นกัน
            ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นผลกระทบทางตรงที่อาจเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้าในขณะที่ผลกระทบทางอ้อมนั้นเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างอายุประชากรของประเทศสมาชิกอาเซียนพบว่ามีความคล้ายคลึงกัน โดยประชากรส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศอยู่ในวัยหนุ่มสาวและวัยทำงาน (อายุระหว่าง 15-64 ปี) ซึ่งสัดส่วนประชากรวัย

ทำงานมีสูงถึง70% ของประชากรทั้งหมดในเอเซียน และยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงพร้อมจะลองสินค้าใหม่ ๆ ที่มีการนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้ในการผลิตส่งผลทำให้เกิดแนวคิดการพัฒนาและ การออกแบบที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมน่าจะมีความแปลกใหม่และดึงดูดความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยมีการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาผสมผสานในการออกแบบ หรือวัสดุก่อสร้างที่สามารถกำจัดเศษเหลือทิ้งได้ง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยควรเร่งปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในอาเซียนที่หันมาให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทดังกล่าวมากขึ้น
            นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยของประชากรในแต่ละประเทศสมาชิกก็อาจจะเป็นตัวกำหนดแนวคิดในการพัฒนาและออกแบบที่อยู่อาศัยได้เช่นกันโดยสิงคโปร์และบรูไนจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง ทำให้ผู้บริโภคนิยมสินค้าที่มีแบรนด์ โดยคำนึงถึงคุณภาพและความทันสมัยของสินค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับแนวคิดที่เน้นในเรื่องของคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับแรก
            ในขณะที่มาเลเซียและไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-สูง ซึ่งผู้บริโภคมักให้ความสำคัญกับสินค้าเทคโนโลยีและสารสนเทศรวมถึงสินค้าที่สนองตอบต่อวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ผู้ประกอบการจึงควรพัฒนาโครงการที่ช่วยส่งเสริมหรือสนับสนุนการทำงานของผู้อยู่อาศัยให้ประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้เร็วขึ้น เช่น มีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงาน หรือเอื้อให้เกิดการพัฒนาตนเอง ทำเล ที่ตั้งอยู่ในที่ที่เดินทางสะดวกหรือไม่ต้องเสียเวลาไปกับการดูแลทำความสะอาดที่อยู่อาศัยเหล่านี้ เป็นต้น
            ในขณะที่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนามและลาว จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-ต่ำ ส่วน กัมพูชา และพม่าจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้จะมีกำลังซื้อไม่สูงมากนักจึงนิยมบริโภคสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในเรื่องของราคาเป็นสำคัญ ดังนั้น ผู้ประอบการไทยจึงต้องเร่งปรับตัวและศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วนรอบด้านทั้งความได้เปรียบเสียเปรียบ ตลอดจนต้องรู้จักเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพรีและความคิดของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจะได้ตรียมความพร้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิขึ้น เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก ใน ปี นี้ด

            ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศสมาชิกมีการขยายตัวขึ้น หัวใจของการรวมตัวก็เพื่อที่สร้าง Single Market และก็ Single Production Base
            ภาพรวมของ กลุ่ม AEC คือ มีประชากรรวมกัน 601 ล้านคน (คิดเป็น 8.8% ขอประชากรทั้งโลก ซึ่งถ้าสามารถรวมตัวกันได้จริง ตามเป้าหมายที่วางไว้คือปี 2015 จะทำให้กลุ่ม AEC มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลกที่ขนาด $1,800 billion)…เทียบกับเศรษฐกิจโลกคือ $14,256 billion, EU $12,517 billion, ญี่ปุ่น $5,068 billion, จีน$4,910 billion เป็นต้น
            หากคุณเป็นผู้ประกอบการ สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเข้าใช้ประโยชน์ในเรื่องการหาแรงงานที่ราคาถูก และ สามารถผลิตใกล้แหล่งวัตถุดิบ
            มีวัตถุประสงค์ของการรวมตัวของ AEC จะประกอบไปด้วย 5 ด้านคือ 1.Free flow of goods   2.Free flow of Investment 3. Free flow of capital   4. Free flow of skilled labour และ 5. Free flow of services
            ลองดูซิครับ ใครได้ประโยชน์ (ถูกต้อง!! ..คนได้ประโยชน์ คือ คนที่สามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น)
            วันก่อนระหว่างผมสำรวจตลาดในเมือง ก็ผ่านไปเห็นที่ดินผืนงาม ๆ มากมายในกรุงเทพ ผมก็คิดว่า โห!! เจ้าของที่ ทำเลดี ๆ อย่างนี้ใจกลางเมือง คงรวยสุด..แล้วใครเป็นเจ้าของ!!” ..จากนั้นผมก็ลองนึก ๆ ว่า ถ้าเราสามารถซื้อที่ดินเหล่านี้ได้ในราคาถูก คงจะรวยน่าดู ..แต่ปัญหาก็คือ ราคาที่ดินมันมีแต่ขึ้น ดังนั้น ที่ดินผืนงาม ๆ ในกรุงเทพ คงไม่มีทางกลับไปราคาถูกอีก
            ผมจำเรื่องเล่าครอบครัวคุณ ทวิช กลิ่นประทุมตอนหนุ่ม ๆ ท่านมีเงินเยอะ แต่สมัยนั้น ที่ดินในกรุงเทพถูกมาก ๆ ตึกสูง ๆ อะไรในกรุงเทพก็ยังแทบจะไม่มี ยุคนั้นไม่มีใครคิดหรอกว่า กรุงเทพจะแออัดและเจริญถึงขนาดนี้
            ก็สรุปได้ว่า คนสมัยก่อนคาดไมถึงว่า เมืองจะเติบโต และมีคนอยู่มาก ที่ดินก็ราคาพุ่งสูง ..ดังนั้น ในยุคนั้นก็แทบไม่มีใครสนใจลงทุนในที่ดินเลย
                        เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นว่า คนที่มีเงินส่วนใหญ่ในกรุงเทพ มักรวยมาจากที่ดินทั้งนั้นไอ้ที่ทำงานได้เงินเป็นแสน ๆ แล้วจะรวยเป็นร้อย ๆ ล้าน อันนั้นมันฝันเปียก
            ดังนั้นฝันธง คนที่รวยมาก ๆ ถ้าไม่ได้สร้างกิจการของตัวเอง ก็รวยจากที่ดิน ..อย่างผมรู้จักเพื่อนคนนึง บ้านทำโรงสีอยู่ชานเมือง ก็แถวรามอินทรา ย้อนไปแค่ 10 ปี แถวนั้นไกลเดินทางไปยาก ..มาดูเดี๋ยวนี้ทางด่วนตัด ถนนตัดผ่าน วงแหวนตัด
ผ่าน สรุปเผอิญ มีชาวบ้านเอาที่มาวางบ้าง มาขายให้บ้าง เลยเป็นเจ้าของที่ดินมากมายแถวรามอินทรา … “เดี๋ยวนี้ไม่ต้องสงสัย เพื่อนผมคนนี้ รวยแค่ไหน!!” .. ผมมานั่งนึก ๆ แหม !! ทำไมบ้านผมไม่ทำโรงสี หรอ เลี้ยงวัวแถวชานเมืองจะได้รวยที่ดินสุด ๆ บ้าง..
            แม้คุณจะเปลี่ยนอดีตไม่ได้ ..แต่คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตได้” ..ถูกต้อง สิ่งที่ผมกำลังคิดคือ ในเมื่อเรารู้ว่า การรวมตัวของ AEC จะทำให้เมืองสำคัญ ๆ ของประเทศต่าง ๆ อย่าง พม่า , เขมร , เวียดนาม (CLMV)
            แทนที่จะเอาเงินมาพันล้านซื้อที่กลางกรุงเทพ แล้วเก็งอย่างเพ้อฝันว่าที่แปลงนั้นจะกลายเป็นหมื่นล้าน มันคงจะเป็นไปได้ยาก แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ถ้าเรามีเงินทุนพอสมควร อาจจะรวมตัวไป ไปหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดิน และเก็งซื้อที่ดินทำเลดี ๆ ในประเทศ เพื่อนบ้าน ที่ยังเจริญน้อยกว่าเราผมว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวนะ
            คุณไม่รู้หรอกว่า รัฐบาลลาว จะสร้างรถไฟฟ้าตรงไหนแต่ที่ดินในจุดสำคัญๆ ไม่ได้ราคาบ้าเลือดเหมือนที่ดินในกรุงเทพแน่……ผมเคยเล่าเรื่องของธรกิจเศษเหล็กที่คนจีนชอบซื้อที่ดินแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วชนเอาเศษเหล็กมากอง….เดี๋ยวนี้ที่เหล่านี้ถูกกว้านซื้อโดย บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในราคาหลายร้อย หลายพันล้าน….
มันจะดีกว่าไหม หากเราเอาสิ่งที่เห็นไปใช้เป็นแนวทางการเก็งกำไรที่ดิน ในประเทศเพื่อนบ้านบ้าง
            ธุรกิจที่เกี่ยวกับที่ดิน มันเป็นอะไรที่เทพมากๆหากคุณรู้อนาคตราคาที่ดินจะพุ่ง..เพราะการทำธุรกิจเป็นการทำเงินระหว่างรอ แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการถือครองที่ดิน เป็นเวลาที่นานพอจะให้ที่ดินนั้นๆเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลต่างหาก..ในญี่ป่นบางคนเก็งกำไรที่ดิน แต่ระหว่างที่รอ ก็ทำเงินไปพรางๆโดยการทำที่จอดรถ ทำเป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟ จะรวยจริง ต้องมองต่าง (แล้วอดทนสักหน่อย!!!)แล้วลูกหลานจะยกย่องคุณ
           
            ในอนาคตอันใกล้จะมีผู้สูงอายุญี่ปุ่นเดินทางมาพนักที่เชียงใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ปัจจุบันเข้ามาพำนักอยู่แล้ว 3,800-4,000 คน และยังมีผู้สูงอายุประเทศอื่นอีกในสัดส่วนใกล้เคียงกัน จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 6,000-7,000 ล้านบาท
            ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุหรือวัดปลดเกษียณชาวญี่ปุ่นมีประมาณ 8 แสน -1 ล้านคน และมีผู้ที่อายุเกิน 60ปีในญี่ปุ่นประมาณ 7-8 ล้านคน โดยสัดส่วน 18% จะชอบเดินทางไป พำนักในประเทศอื่นๆ ดังนั้น จะต้องทำให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือดอนบนเป็นพื้นที่เป้าหมายที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องเดินทางมาท่องเที่ยวให้ได้
            ประเด็นที่ห้า การลงทุนการค้าปลีกจากนักลงทุนในและต่างประเทศ ซึ่งดำเนินโครงกรขนาดใหญ่หลายรายการ อาทิเช่น
            การปักธงของทุนสร้าง มินิมอล สะตชั่น ริมถนนสายสำคัญๆในจังหวัดมีจำนวนมาก และทุนจากส่วนกลาง ซันทรัล ที่ประกาศลงทุน เซ็นทรัลพรามสอง อย่างเป็นทางการ ทำให้อุณหภูมิการแข่งขันของสมรภูมิค้าปลีกในเชียงใหม่คุกคักอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปีนนี้ เพราะมูลค่าการลงทุนองทั้งสองห้าสูงเกือบ 20,000 ล้านบาท และมีพื้นที่ใช้สอยรวมกันมากกว่า 3.2 แสนตารางเมตร
            สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ ทุนใน ท้องถิ่นและส่วนกลาง ต่างก็เทเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างผิดตา ทั้งการลงทุนใหม่ การปรับปรุง(Renovate) พ้นที่ใหม่รวมถึงการเกิดขึ้นของคอมมิวนิตี้มอลล์(community mall) จำนวนมากติดอันดับต้นๆของประเทศขระที่ฐาตลาดเดิม จังหวัดสมุทรสาคร-นครปฐม มีศูนย์การค้าใหญ่สุดในภาคเหนืออยู่แล้ว ซึ่งมีทั้งห้าง เซ็นทรัลพระรามสอง 1 สาขาเดิมๆและ พื้นที่อาคารที่ใช้สอย 175,185 ตารางเมตร ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท รวมถึง ห้างสรรพสินค้า บิกซี-โลตัส มากมายหลายสาขา มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 290,000 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทในจังหวัด
            ในอนาคตอันใกล้ภายในปี 2555-56 ห้างค้าปลีก ศูนย์การค้า และคอมมิวนิตี้มอลล์ของ สมุทสาคร -นครปฐม จะมีพื้นที่ขายมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร ยิ่งจะทำให้พื้นที่ ค้าปลีกทุกระดับใน สมุทรสาคร ติดอันดับเติบโตมากที่ในภูมิภาคก็ว่าได้ ถนนพระรามสอง  บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย  ให้ความใส่ใจกับการเติบโตของเมือง มุทรสาคร  เป็นอย่างดี
            สิ่งที่สร้างความมั่นใจให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ใน จ,สมุทรสาคร โดยบริษัทยักษ์ เซ็นทรัลจากผลการ สำรวจวิจัยของ บริษัท อีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนลเรียลเอสเดท จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าชั้นนำสัญชาติ เนเธอร์แลนด์ ระบุว่า จังหวัดสมุทรสาคร มีการเติบโตขึ้น อย่างต่อเนื่องมีประชากรในตัวเมืองและใกล้เคียงรวมกัน 3 ล้านคน หรือ 14,000 ครัวเรือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ความต้องการของผู้บริโภค รายได้ประชากร และการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยและปริมาณแรงานที่หลั่งไหลเข้าสู่ตัว จังหวัด
            ข้อมูลดัชนีค้าปลีกของจังหวัด สมุทรสาคร ขยายตัวกว่า 250% นับตั้งแต่ปี 2545-2553 เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เป็นตารางเมตรของช๊อปมอลล์ที่ไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีหลัง ทำให้เห็นว่า จ.สมุทรสาร ยังไมได้รับการตอบสนองในด้านแหล่งค้าปลีกอย่างเพียงพอ
            นอกจากนี้ ข้อมูลตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่าชาวเชียงใหม่ต้องการช๊อปปิ้งมอลล์ที่แปลกใหม่ และผู้บริโภค พบว่าชาวเชียงใหม่ต้องกรชีอปปิ้งมอลล์ที่แปลกใหม่ และผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมแสวงหาประสบการณ์การพักผ่อนและการชีอปปิ้งที่ตอบ สนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มากขึ้น
            นี่คือความมั่นใจของ นักพัฒนาอสังหาฯ ระดมทุนการสร้างที่พักอาศัยใน สมุทรสาครเปฯอย่างมากในถนนหลักและถนนรองและ ถนนซอย เพื่อตอบสนองไลฟ์ลไตล์ทุกรูปแบบ บนพื้นที่ ดั้งอยู่บนถนนพระรามสอง-ถนนเอกชัย ถนนเพชรเกษม ถนนสายสี ถนนสานห้า – ถนน สายเศษฐกิจ และเตรียมเปิดตัวในปลายปี 2558 อิกหลายโรงการ บ้านมลวรีย์ พุทธมณฑลสายสีตัดใหม่-มหาชัย เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรง
            ทุนใหญ่อีกรายคอ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ทุ่มทุนสร้างบนทำเล ถนนพรามสอง จัดเต็ม จะสร้างให้ใหญ่ที่สุดในโลกในเนื้อที่ 100 ไร่ บนถนนพระรามสอง ต.นาดี อ.เมือง จ.นครปฐม   ด้วยงบฯลงทุนรวมกว่า10,000 ล้านบาท  เริ่มขออนุญาติแล้ว มีแผนจะเปิดเดือน ธันวาคม  2559
            จากปรากฏการณ์เคลื่อนตัวของทุนขนาดใหญ่ ทำให้ทุนท้องถิ่นเดิมทั้งขนาดเล็กและใหญ่ขยับตัวกันอย่างคักคักและเติบโต อย่างก้าวกระโดด
           
           
1) โครงการ L&H ช็อปเซ็นเตอร์ที่จะมีพื้นที่กว่า 1 แสนตารางเมตร
2) โครงการสตาร์ อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ ถนนมหิดล ลงทุนกว่า 550 ล้านบา
3) โครงการ The Chill Park ย่านหางดง 4) โครงการ @ curve ถนนช้างคลาน
สำหรับทุนส่วนกลางก็ไม่น้อยหน้า เริ่มต้นจากการปรับปรุงโรงแรมอมารี รินคำเดิมบนพื้นที่กว่า 11 ไร่  บริเวณบนพื้นที่กว่า 11 ไร่ บริเวณ สี่แยกรินคำเป็น Landscape Plaza ศูนย์การค้าที่คงไว้ซึ่งทิวิทัศน์สวยงาม,Retails Area-Thai Pavilion Concept ร้านค้าปลีกภายในสวนหย่อม มีซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำและร้านอาหาร
           

            ในบริเวณใกล้เคียงกัน นายตัน ภาสกรนที ประธาน บริษัท อชิตัน กรุ๊ป จำกัดลงทุนราว 400 ล้านบาท สร้างคอมมิวนิตี้มอลล์ ชื่อโครงการ ซิงค์ พาร์ค อาร์ต คอมมูนิตี้มอลล์ บนพื้นที่ 5 ไร่ เปิดบริการไปแล้ว
            จากนี้ไปเชียงใหม่จะกลายเป็นเมืองที่มีห้างค้าปลีกโตคู่กับการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ ที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคที่เป็น ไลฟ์สไตล์สมัยใหม่มากขึ้น
            ประเด็นที่หกคือความต้องการการมีบ้านของวัยทำงาน แม้ว่าในโลกนี้จะมีหลายๆสิ่งที่เราอยากได้มาเป็นเจ้าของอย่างเจ้ารถยนต์คันโก้ มือถือนุ่นล่าสุด นาฬิกายี่ห้อดัง โน๊ตบุ๊กล่าสุดเครื่องปรับสวยๆและอื่นๆอีกมากมาย แต่ บ้าน ก็จัดเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของใครหลายๆคน ที่อยากจะครอบครอง เพราะบ้านไมได้เป็นแค่สินทรัพย์ ทั้งๆที่บ้านสร้างด้วย อิฐ หิน ปูน ไม่มีชีวิต แต่ทำไมเรามักจะรำพึงรำพันว่า คิดถึงบ้านเสมอๆเป็นเพราะบ้านเป็นที่แห่งเดียวในโลก ที่เราจะทำได้ทุกอย่างที่เราเป็น คงจัดไม่น้อยถ้าหากสักวันหนึ่งคุณจะมีบ้านของคุณเองสักหลัง มาดูเหตุผลที่ควรมีบ้านดีว่า
            ไม่อยากเช่าบ้านไปตลอดชีวิต
                                    แม้ว่าการซื้อบ้านสักหลัง ต้องใช้เงินก้อน และกว่าจะเก็บเงินก้อนได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร การเริ่มต้นมีบ้านหรือโลกส่วนตัวของคุณเองโดยการเช่าอยู่นั้นถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่คุณรู้ไหมว่าเงินที่จ่ายค่าเช่าในแต่ละเดือนนั้น ไมได้มากไปกว่าการผ่อนบ้านในแต่ละเดือน ต่างกันตรงที่คุณได้เป็นเจ้าของบ้านด้วย ผิดกับการเช่าที่จ่ายเงินไปแล้วแลกกับการอยู่อาศัยเท่านั้น หากคุณเช่าบ้านมาสักระยะหนึ่งแล้ว ควรจริงจังในการเก็บเงินสักก้อนเพื่อซื้อบ้าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าการเช่าอยู่ ยิ่งเช่าอยู่นานเท่าไหร่เท่ากับคุณจ่ายค่าเสียโอกาสในการมีบ้านไปมากเท่านั้น อย่าลืมว่า บ้าน เป็นทรัพย์สินที่มีแต่ทวีเพิ่มสูงขึ้น
            ปล่อยเช่าก็ได้ ขายต่อก็ราคาดี          
                                    บรรดาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆนั้น เท่าที่ผ่านมามูลค่ามักมีแต่จะคงที่หรือเพิ่มขึ้น การมีบ้าน คอนโด หรือ ทาวน์โฮม นั้น จัดว่าเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเพราะนอกจากคุณจะได้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยแล้ว คุณยังสารถนำไปปล่อยเช่าเป็นรายได้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยแล้ว คุณยังสามารถนำไปปล่อยเช่าเป็นรายได้ต่ออีกทางหนึ่ง และคุณยังสมารถนำดอกเบี้ยที่คุณใช้ผ่อนบ้านมาหักภาษีอีกต่ออีกทาง ในขณะที่เมื่อคุณผ่อนไปเรื่อยๆจนยอดหนี้คงค้างลดลงกรรมสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของบ้านของคุณก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นการซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ นั้นมีแต่ได้กับได้เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง
            บ้านคือจุดเริ่มต้นของความมั่นคง
                        จะมีที่ใดที่จะเป็นจุดเริ่มต้นขอความรัก ความอบอุ่น และความผูกพัน ได้ดีเท่าที่บ้าน เพราะบ้านไม่ใช่เป็นที่พักพิงแต่ยังก่อให้เกิดความรู้สึกดี ๆ มากมายของสมาชิกในบ้าน ลองถามตัวเองว่าถามเวลาของตำแหน่งใหม่ของคุณหรือยัง ตำแหน่ง เจ้าของบ้านที่คุณเป็นหัวหน้าครอบครัว กับโลกใบเล็ก ๆของคุณที่คุณจะใช้ชีวิตหลังจากการทำงานได้อย่างอิสระ ที่ที่มีคนคอยคุณกลับบ้าน ที่ที่มีคนรอดูละครหลังข่าวเรื่องโปรดร่วมกับคุณ ที่ที่คุณเป็นคนสำคัญที่สุด ที่ที่จะเติมเต็มเวลาและความผูกพันดีดีร่วมกัน สำหรับบางคน บ้านอาจจะหมายถึงคอนโดห้องเล็กๆ หรือทาวน์โฮมเก๋ ๆ สักหลังที่อยู่ไม่ไกลที่ทำงาน แต่บางคนบ้านอาจจะหมายถึงที่มีสนามรอบ ๆ มีพื้นที่สวนสำหรับปลูกต้นไม้ดอกไม้ มีที่สำหรับให้เด็ก ๆ วิ่งเล่น หรือธรรมชาติร่มรื่น ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้พักผ่อนและแอบภูมิใจในตัวคุณหากได้คำตอบว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ขอให้ความปรารถนานั้นเป็นจริงเพราะคุณเริ่มก้าวสู่ความมั่นคงแล้ว
            ค่านิยมของคนว่ายังไงก็ต้องมีบ้านเป็นเป้าหมาย เป็นเหมือนแรงผลักดัน เป็นแรงใจให้เรามีกำลังใจที่จะทำอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจ อดทน และมุ่งมั่นที่จะกระทำให้สำเร็จ ซึ่งจะแตกต่างจากคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต เพราะคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง จะรู้สึกถึงความเฉื่อยชา ไม่มีแรงผลักดันให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้า เปรียบเหมือนกับจักรยานที่โซ่ไม่เคยหยอดน้ำมัน เวลาปั่นไปก็จะเกิดความฝืด ทำให้ไปได้อย่างช้า ๆ
            ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของคนเมืองกับพื้นที่ที่มีอยู่เท่าเดิม การจับจองพื้นที่ให้กับตัวเอง จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทุกคนต่างแสวงหาทุกวันนี้บ้านเล็กลง บ้านหลังใหญ่ก็มีแต่แพงเหลือหลาย ทางออกที่ดีที่สุดของคนเมือง นั่นก็คือการพึ่งพาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ที่ราคาประหยัด เพื่อการใช้ชีวิตในเมืองบางทีอาจเรียกว่า บ้าน ของผู้คนยุคศตวรรษที่ 20 ก็เป็นได้
            อย่างไรก็ตามทั้งบ้านและบ้าน ย่อมีทั้งข้อเด่นและด้อยตามความชอบของแต่ละบุคคล คราวนี่ เช่นเคย ดร.สมัย  เหมมั่น เตรียมข้อมูลต่าง ๆ สำหรับคนเมือง เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตในบ้าน ได้รับรู้ และเข้าใจตั้งแต่วิธีการเลือก ตกแต่ง ออกแบบ ไล่ไปจนถึงการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข



ดร.สมัย  เหมมั่น
ที่ปึกษากิติมศักดิ์และรองกรรมการบริหาร
บ้าน มลวรีย์
6  มกราคม  2559

ความคิดเห็น

  1. โครงการ รวยอู๋ฟู่ เรียลเอสเทต : : โครงการ บ้านจัดสรร สมุทรสาคร‎ ถนนเอกชัย - มหาช้ย...พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด
    uofulfill.blogspot.com
    โครงการ รวยอู๋ฟู่ เรียลเอสเทต : : โครงการ บ้านจัดสรร สมุทรสาคร‎ ถนนเอกชัย - มหาช้ย...: โทร 1739 สมัครสมาชิก พฤกษา register จองบ้านและคอนโด ออนไลน์ จองบ้านและคอนโด ออนไลน์ Live Chat Live ... พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่ว...

    ตอบลบ
  2. บริษัท บาร์เบอร์ แอนด์ ซาลอน บิวตี้ จำกัด(B&S) ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสวย | www.bsbeauty.com
    No.166 หมู่4 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 74110
    Tel:034-876047-8 มือถือ.081-4204241‚ Fax:034-876049‚ email:teerachaibs@hotmail.com‚ LINE ID : bsinter9

    ตอบลบ
  3. บริษัท บาร์เบอร์ แอนด์ ซาลอน บิวตี้ จำกัด(B&S) ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสวย | www.bsbeauty.com
    No.166 หมู่4 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 74110
    Tel:034-876047-8 มือถือ.081-4204241‚ Fax:034-876049‚ email:teerachaibs@hotmail.com‚ LINE ID : bsinter9

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น