เรื่องเล่า เมืองยักษ์ บ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก หลักฐานทางวรรณคดีและธรนีวิทยาที่หน้า สะพึ่งกลัว วันนี้มีเรื่องเล่า ยักษ์เจ้าเมืองทานตะวัน
นางสิบสองเป็นตัวละครในบทละครเรื่องพระรถเมรี เป็นบุตรสาว 12 คน
ของพรหมจันทร์*กับนางพราหมณี*เศรษฐีแห่งเมืองไพศาลี* นางทั้งสิบสอง ได้แก่ นางบัวทอง* นางบัวแก้ว* นางจงกล* นางอุบล* นางบัวผัน* นางบัวเผื่อน* นางโกมุท* นางศรีบงกช* นางบัวขม* นางบัวหลวง* นางประทุมทอง* และนางเภา*
ครั้งหนึ่งเกิดอาเพศต่างๆ แก่ครอบครัวของเศรษฐี เช่น สัตว์เลี้ยงล้มตาย ค้าขายขาดทุน บริวารหลีกหนี ครอบครัวของเศรษฐียากจนลง พรหมจันทร์กับนางพราหมณีจึงปรึกษากันลวงบุตรสาวทั้งสิบสองไปปล่อยป่า นางสิบสองไม่สามารถกลับบ้านได้ก็พากันเดินทางต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ขณะนั้นนางสารตรา*ยักษ์เจ้าเมืองทานตะวัน* (ตะวัน*) ผ่านมาพบ จึงแปลงเป็นหญิงกลางคนชักชวนนางสิบสองให้เป็นบุตรบุญธรรมแล้วพาไปเมืองทานตะวัน นางสิบสองอยู่กับนางยักษ์อย่างมีความสุข
วันหนึ่งขณะที่นางสารตราออกว่าราชการ
นางสิบสองอยากรู้ว่าที่ท้ายปราสาทมีอะไร จึงพากันไปดู พบกองกระดูกมนุษย์เกลื่อนกลาดก็ตกตะลึง ครั้นได้ยินเสียงผู้คนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็เดินเข้าไปดู ยายเฒ่าคนหนึ่งซึ่งถูกจับขังไว้ในฉางบอกว่านางสารตราเป็นยักษ์ นางสิบสองตกใจรีบกลับขึ้นตำหนักแล้วทำตัวตามปกติ
ต่อมานางสิบสองชวนกันหนีออกจากเมือง ได้พบและอภิเษกกับท้าวรถสิทธิ์* (รถยสิทธิ์* หรือ ยาสิทธิ์*) เจ้าเมืองขีดขิน* นางยักษ์ตามหานางสิบสองจนพบ แล้วร่ายมนตร์ทำให้ท้าวรถสิทธิ์หลงใหลตั้งนางเป็นมเหสี วันหนึ่งนางสารตราทำอุบายว่าป่วยหนัก ต้องใช้ดวงตาของนางสิบสองประกอบเป็นโอสถ ท้าวรถสิทธิ์จึงให้ควักดวงตาทั้งสองข้างของนางสิบสอง เว้นแต่นางเภาซึ่งถูกควักดวงตาเพียงข้างเดียว นางทั้ง 12 คนซึ่งขณะนั้นทรงครรภ์อยู่ถูกขับออกจากเมืองไปอาศัยในอุโมงค์แห่งหนึ่ง ได้รับความลำบากและอดยากมาก ครั้นประสูติโอรส พี่ๆ ของนางเภานำเนื้อของโอรสมาแบ่งกันกินเพื่อประทังความหิว ฝ่ายนางเภาแอบไปประสูติโอรสให้ชื่อว่ารถเสน
ครั้นรถเสนเจริญวัยได้พบกับพระบิดา นางสารตราต้องการกำจัดรถเสนจึงแกล้งป่วยหนัก แล้วบอกว่าจะต้องใช้หมากงั่ว (มะงั่ว) และหมากนาว (มะนาว) ที่เมืองทานตะวันเป็นยารักษา รถเสนจึงลามารดากับป้าแล้วออกเดินทางไป หลังจากนำผลหมากงั่วหมากนาวมาได้พร้อมกับดวงตาของนางสิบสองและยาวิเศษ รถเสนก็กลับไปที่อุโมงค์ประสมยาวิเศษกับดวงตารักษานางสิบสองจนหายเป็นปกติ
หลังจากรถเสนสังหารนางสารตราแล้ว ได้ขอให้พระฤๅษีทำลายมนตร์เสน่ห์ของนางสารตรา เมื่อท้าวรถสิทธิ์มีสติดังเดิม ก็ออกไปรับนางสิบสองกลับเข้าเมือง นางสิบสองทูลถึงความลำบากต่างๆ ที่พวกนางได้รับ
หงส์ยักษ์และรังหงส์
ตอบลบhttps://uofulfill.blogspot.com/2024/03/blog-post_19.html
วันว่างๆจะนำรูป
หงส์ยักษ์และรังหงส์ มาฝาก มีมากกว่า สามรัง มากกว่าสามตัวครับ ขอ เชิญชมที่วัดถ้ำลอดเจริญธรรมได้ทุกวัน
เป็น สถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตก บนหลังถ้ำเป็นผาหินสลับซับซ้อนกันอยู่ดูแล้วคล้ายประติมากรรมทางธรรมชาติ เขาหินปูนอายุมากกว่า 300 ล้านปี
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงและเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมของจังหวัด พิษณุโลก อำเถอเนินมะปราง ตำบลเนินมะปราง คือ "จุดชมพระอาทิตย์ตก วัดถ้ำลอด และผาหงษ์" ด้วยสภาพที่ตั้งเป็นยอดเขาสูง300 เมตร มีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงาม จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สุดแสนโรแมนติก และคุ้มค่าแก่การมาชมให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต ภายในถ้ำลอด และภาพผาหงส์ มี หงษ์มี รังหงส์ มีวัดถ้ำลอดพระพุทธรูปประดิษฐานให้นักท่องเที่ยวได้เคารพสักการะ พร้อมประติมากรรมทางธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นเป็นหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ซึ่งยังเป็นแหล่งที่พำนักของฝูงค้างคาว โดยจะบินออกหากินก่อนพระอาทิตย์ตกดิน สามารถขับรถรอบเขาถายรุป หงส์อยูในรัง มีหลายรัง ตามหน้าผาสูง สวยงาม ยังจุดชมวิวเหนือถ้ำจำนวน 259 ขั้น ด้วยระยะทางประมาณ 300 เมตรสู่ยอดเขา ระหว่างทางเดินขึ้นรื่นรมย์ไปกับวิวผาหินตะปุ่มตะป่ำสลับซับซ้อนกันอยู่ทั่วไป ผลงานสร้างสรรค์จากธรรมชาติ 300 ล้านปีอย่างสวยงาม ตลอดจนทิวทัศน์ของราวป่าที่ทอดยาว โดยมีทิวเขาสูงต่ำสลับกันเป็นฉากหลังอันงดงาม เหมาะแก่การนั่งกินลมชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างยิ่งยวด ที่ตั้ง : ห่างจากที่ทำการ อำเถอเนินมะปราง ประมาณ 8 กิโลเมตร การเดินทาง : มีทางแยกซ้ายมือเพื่อเดินทางสู่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของวัดถ้ำลอด และ ผาหงษ์ บนยอดเขา มีมากกว่า สามรัง วันนี้ครับ สวยงามครับ
หงส์ยักษ์และรังหงส์
ตอบลบhttps://uofulfill.blogspot.com/2024/03/blog-post_19.html
วันว่างๆจะนำรูป
หงส์ยักษ์และรังหงส์ มาฝาก มีมากกว่า สามรัง มากกว่าสามตัวครับ ขอ เชิญชมที่วัดถ้ำลอดเจริญธรรมได้ทุกวัน
เป็น สถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตก บนหลังถ้ำเป็นผาหินสลับซับซ้อนกันอยู่ดูแล้วคล้ายประติมากรรมทางธรรมชาติ เขาหินปูนอายุมากกว่า 300 ล้านปี
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงและเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมของจังหวัด พิษณุโลก อำเถอเนินมะปราง ตำบลเนินมะปราง คือ "จุดชมพระอาทิตย์ตก วัดถ้ำลอด และผาหงษ์" ด้วยสภาพที่ตั้งเป็นยอดเขาสูง300 เมตร มีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงาม จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สุดแสนโรแมนติก และคุ้มค่าแก่การมาชมให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต ภายในถ้ำลอด และภาพผาหงส์ มี หงษ์มี รังหงส์ มีวัดถ้ำลอดพระพุทธรูปประดิษฐานให้นักท่องเที่ยวได้เคารพสักการะ พร้อมประติมากรรมทางธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นเป็นหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ซึ่งยังเป็นแหล่งที่พำนักของฝูงค้างคาว โดยจะบินออกหากินก่อนพระอาทิตย์ตกดิน สามารถขับรถรอบเขาถายรุป หงส์อยูในรัง มีหลายรัง ตามหน้าผาสูง สวยงาม ยังจุดชมวิวเหนือถ้ำจำนวน 259 ขั้น ด้วยระยะทางประมาณ 300 เมตรสู่ยอดเขา ระหว่างทางเดินขึ้นรื่นรมย์ไปกับวิวผาหินตะปุ่มตะป่ำสลับซับซ้อนกันอยู่ทั่วไป ผลงานสร้างสรรค์จากธรรมชาติ 300 ล้านปีอย่างสวยงาม ตลอดจนทิวทัศน์ของราวป่าที่ทอดยาว โดยมีทิวเขาสูงต่ำสลับกันเป็นฉากหลังอันงดงาม เหมาะแก่การนั่งกินลมชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างยิ่งยวด ที่ตั้ง : ห่างจากที่ทำการ อำเถอเนินมะปราง ประมาณ 8 กิโลเมตร การเดินทาง : มีทางแยกซ้ายมือเพื่อเดินทางสู่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของวัดถ้ำลอด และ ผาหงษ์ บนยอดเขา มีมากกว่า สามรัง วันนี้ครับ สวยงามครับ
หงส์ยักษ์และรังหงส์ วันว่างๆจะนำรูป หงส์ยักษ์และรังหงส์ มาฝาก มีมากกว่า สามรัง มากกว่าสามตัวครับ ขอ เชิญชมที่วัดถ้ำลอดเจริญธรรมได้ทุกวัน เป็น สถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตก บนหลังถ้ำเป็นผาหินสลับซับซ้อนกันอยู่ดูแล้วคล้ายประติมากรรมทางธรรมชาติ เขาหินปูนอายุมากกว่า 300 ล้านปี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงและเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมของจังหวัด พิษณุโลก อำเถอเนินมะปราง ตำบลเนินมะปราง คือ "จุดชมพระอาทิตย์ตก วัดถ้ำลอด และผาหงษ์" ด้วยสภาพที่ตั้งเป็นยอดเขาสูง300 เมตร มีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงาม จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สุดแสนโรแมนติก และคุ้มค่าแก่การมาชมให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต ภายในถ้ำลอด และภาพผาหงส์ มี หงษ์มี รังหงส์ มีวัดถ้ำลอดพระพุทธรูปประดิษฐานให้นักท่องเที่ยวได้เคารพสักการะ พร้อมประติมากรรมทางธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นเป็นหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ซึ่งยังเป็นแหล่งที่พำนักของฝูงค้างคาว โดยจะบินออกหากินก่อนพระอาทิตย์ตกดิน สามารถขับรถรอบเขาถายรุป หงส์อยูในรัง มีหลายรัง ตามหน้าผาสูง สวยงาม ยังจุดชมวิวเหนือถ้ำจำนวน 259 ขั้น ด้วยระยะทางประมาณ 300 เมตรสู่ยอดเขา ระหว่างทางเดินขึ้นรื่นรมย์ไปกับวิวผาหินตะปุ่มตะป่ำสลับซับซ้อนกันอยู่ทั่วไป ผลงานสร้างสรรค์จากธรรมชาติ 300 ล้านปีอย่างสวยงาม ตลอดจนทิวทัศน์ของราวป่าที่ทอดยาว โดยมีทิวเขาสูงต่ำสลับกันเป็นฉากหลังอันงดงาม เหมาะแก่การนั่งกินลมชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างยิ่งยวด ที่ตั้ง : ห่างจากที่ทำการ อำเถอเนินมะปราง ประมาณ 8 กิโลเมตร การเดินทาง : มีทางแยกซ้ายมือเพื่อเดินทางสู่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของวัดถ้ำลอด และ ผาหงษ์ บนยอดเขา มีมากกว่า สามรัง วันนี้ครับ สวยงามครับ
ตอบลบนางสิบสองเป็นตัวละครในบทละครเรื่องพระรถเมรี เป็นบุตรสาว 12 คน ของพรหมจันทร์*กับนางพราหมณี*เศรษฐีแห่งเมืองไพศาลี* นางทั้งสิบสอง ได้แก่ นางบัวทอง* นางบัวแก้ว* นางจงกล* นางอุบล* นางบัวผัน* นางบัวเผื่อน* นางโกมุท* นางศรีบงกช* นางบัวขม* นางบัวหลวง* นางประทุมทอง* และนางเภา* ครั้งหนึ่งเกิดอาเพศต่างๆ แก่ครอบครัวของเศรษฐี เช่น สัตว์เลี้ยงล้มตาย ค้าขายขาดทุน บริวารหลีกหนี ครอบครัวของเศรษฐียากจนลง พรหมจันทร์กับนางพราหมณีจึงปรึกษากันลวงบุตรสาวทั้งสิบสองไปปล่อยป่า นางสิบสองไม่สามารถกลับบ้านได้ก็พากันเดินทางต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ขณะนั้นนางสารตรา*ยักษ์เจ้าเมืองทานตะวัน* (ตะวัน*) ผ่านมาพบ จึงแปลงเป็นหญิงกลางคนชักชวนนางสิบสองให้เป็นบุตรบุญธรรมแล้วพาไปเมืองทานตะวัน นางสิบสองอยู่กับนางยักษ์อย่างมีความสุข วันหนึ่งขณะที่นางสารตราออกว่าราชการ นางสิบสองอยากรู้ว่าที่ท้ายปราสาทมีอะไร จึงพากันไปดู พบกองกระดูกมนุษย์เกลื่อนกลาดก็ตกตะลึง ครั้นได้ยินเสียงผู้คนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็เดินเข้าไปดู ยายเฒ่าคนหนึ่งซึ่งถูกจับขังไว้ในฉางบอกว่านางสารตราเป็นยักษ์ นางสิบสองตกใจรีบกลับขึ้นตำหนักแล้วทำตัวตามปกติ ต่อมานางสิบสองชวนกันหนีออกจากเมือง ได้พบและอภิเษกกับท้าวรถสิทธิ์* (รถยสิทธิ์* หรือ ยาสิทธิ์*) เจ้าเมืองขีดขิน* นางยักษ์ตามหานางสิบสองจนพบ แล้วร่ายมนตร์ทำให้ท้าวรถสิทธิ์หลงใหลตั้งนางเป็นมเหสี วันหนึ่งนางสารตราทำอุบายว่าป่วยหนัก ต้องใช้ดวงตาของนางสิบสองประกอบเป็นโอสถ ท้าวรถสิทธิ์จึงให้ควักดวงตาทั้งสองข้างของนางสิบสอง เว้นแต่นางเภาซึ่งถูกควักดวงตาเพียงข้างเดียว นางทั้ง 12 คนซึ่งขณะนั้นทรงครรภ์อยู่ถูกขับออกจากเมืองไปอาศัยในอุโมงค์แห่งหนึ่ง ได้รับความลำบากและอดยากมาก ครั้นประสูติโอรส พี่ๆ ของนางเภานำเนื้อของโอรสมาแบ่งกันกินเพื่อประทังความหิว ฝ่ายนางเภาแอบไปประสูติโอรสให้ชื่อว่ารถเสน ครั้นรถเสนเจริญวัยได้พบกับพระบิดา นางสารตราต้องการกำจัดรถเสนจึงแกล้งป่วยหนัก แล้วบอกว่าจะต้องใช้หมากงั่ว (มะงั่ว) และหมากนาว (มะนาว) ที่เมืองทานตะวันเป็นยารักษา รถเสนจึงลามารดากับป้าแล้วออกเดินทางไป หลังจากนำผลหมากงั่วหมากนาวมาได้พร้อมกับดวงตาของนางสิบสองและยาวิเศษ รถเสนก็กลับไปที่อุโมงค์ประสมยาวิเศษกับดวงตารักษานางสิบสองจนหายเป็นปกติ หลังจากรถเสนสังหารนางสารตราแล้ว ได้ขอให้พระฤๅษีทำลายมนตร์เสน่ห์ของนางสารตรา เมื่อท้าวรถสิทธิ์มีสติดังเดิม ก็ออกไปรับนางสิบสองกลับเข้าเมือง นางสิบสองทูลถึงความลำบากต่างๆ ที่พวกนางได้รับ
ตอบลบ